WooCommerce คืออะไร ? การใช้งานสำหรับเปิดร้านค้าออนไลน์
ในปัจจุบันนี้ การขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ได้เติบโตขึ้นกว่าสมัยก่อนเป็นอย่างมาก ซึ่งการมีเว็บไซต์ที่มีฟังก์ชั่นในการทำงานที่สามารถรองรับการขายสินค้าและบริการให้ลูกค้าได้นั้นจะช่วยทำให้ธุรกิจของคุณมีความน่าเชื่อถือ และขยายโอกาสในการเพิ่มยอดขายได้มากยิ่งขึ้น เพียงแค่คุณใช้งาน Plugin WooCommerce คุณก็จะสามารถมีเว็บไซต์ WordPress สำหรับเปิดร้านค้าออนไลน์ได้อย่างเต็มรูปแบบ
สารบัญ
WooCommerce คืออะไร ?
WooCommerce คือ ปลั๊กอิน (Plugin) สำหรับเว็บไซต์ WordPress ที่มีไว้สำหรับใช้สร้างร้านค้าออนไลน์ สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ WooCommerce.com โดยมีความสามารถในการขายสินค้าและบริการ มากมาย เพราะ WooCommerce มีความยืดหยุ่นสูงในการปรับแต่งหน้าร้านตามความต้องการ สามารถเพิ่ม Module เสริมได้ เช่น การจัดการคลังสินค้า, การชำระเงิน, การจัดส่งสินค้า, การรายงานผล เป็นต้น ช่วยให้สามารถปรับแต่งร้านค้าได้ตรงตามความต้องการ โดยมีให้ใช้งานฟังก์ชั่นพื้นฐานแบบไม่มีค่าใช้จ่าย แต่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการใช้งานฟังก์ชั่นที่มากขึ้น
ทำไมถึงควรใช้ WooCommerce ?
เพราะ WooCommerce คือ Plugin เสริม ที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้เว็บไซต์ WordPress ธรรมดา หรือเว็บ Blog ทั่วไปที่มีไว้สำหรับเขียนบทความ ให้กลายเป็นเว็บไซต์ E-Commerce สำหรับขายสินและบริการค้าออนไลน์ได้ โดย WooCommerce มีฟังก์ชันสนับสนุนในการทำเว็บไซต์ขายสินค้าและบริการได้อย่างครบถ้วน
ประโยชน์ของ WooCommerce
- สามารถติดตั้งได้ง่าย และใช้งานฟังก์ชั่นพื้นฐานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
- มีผู้ใช้งานจำนวนมาก ทำให้แพลตฟอร์มมีการพัฒนา มีสื่อการสอนและมีคนช่วยเมื่อเกิดปัญหา
- มีฟังก์ชันการใช้งานเพื้นฐานในการเปิดร้านค้าออนไลน์ และมีฟังก์ชันเสริมอีกมากมาย
- เป็น Open-Source ทำให้มีนักพัฒนาทั่วโลก ช่วยพัฒนาฟังก์ชันที่มีความพิเศษมากยิ่งขึ้น
- มี Theme มากมายที่รองรับฟังก์ชั่น WooCommerce ช่วยให้เว็บไซต์มีความสวยงาม
- ช่วยให้จัดการสต็อกสินค้าง่ายขึ้น สามารถเพิ่มหรือลบสินค้าได้ตามความต้องการ
- ช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะจะช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น
- WooCommerce รองรับภาษาได้หลายภาษา สามารถขายสินค้าให้ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
- รองรับการทำ SEO การออกแบบโครงสร้างตามหลัก สามารถใช้งานร่วมกับ SEO Plugin ได้
- เป็นระบบ E-Commerce ที่มีความปลอดภัยสูง มีการ Update เพื่อป้องกันอันตรายจากผู้ไม่หวังดี และช่วยรักษาข้อมูลของลูกค้าให้ปลอดภัย
WooCommerce มีฟังก์ชันอะไรบ้าง ?
- การจัดการสินค้า – การเพิ่มและจัดการสินค้าภายในร้านค้าของคุณ รวมถึงการเพิ่มภาพ คำอธิบายรายละเอียดสินค้า ราคา และการจัดกลุ่มสินค้าตามหมวดหมู่
- การจัดการการสั่งซื้อ – การจัดการคำสั่งซื้อของลูกค้า รวมถึงการตรวจสอบสถานะการสั่งซื้อ การส่งอีเมลแจ้งเตือนสำหรับการสั่งซื้อ รวมถึงการสร้างใบแจ้งหนี้
- การจัดการการชำระเงิน – การตั้งค่าวิธีการชำระเงินสำหรับลูกค้า รวมถึงการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์
- การจัดการการจัดส่งสินค้า – การตั้งค่าวิธีการจัดส่งสินค้า รวมถึงการคำนวณค่าจัดส่ง การเชื่อมต่อกับบริการจัดส่งสินค้า เช่น Kerry Express, Flash Express หรือ Thailand Post
- การจัดการสต็อกสินค้า – การตั้งค่าการจัดการสต็อกสินค้า รวมถึงการตั้งค่าจำนวนสินค้าคงเหลือ แจ้งเตือนเมื่อสินค้าใกล้หมดแล้ว หรือการตัดสต็อกโดยอัตโนมัติเมื่อมีการขายสินค้า
- การตรวจสอบรายงานการขาย – การตรวจสอบรายงานผล ยอดการขายสินค้าของร้านค้า
- การจัดการสมาชิก – การสร้างและจัดการบัญชีลูกค้า การตั้งค่าสิทธิ์และส่วนลดสำหรับสมาชิก
- การจัดการโปรโมชั่น – การตั้งค่าโปรโมชั่นและส่วนลดสำหรับลูกค้า เช่น ส่วนลดสำหรับการซื้อครบจำนวนที่กำหนด หรือโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1
- การจัดการการตั้งค่าทั่วไป – การตั้งค่าการทำงานของ WooCommerce โดยทั่วไป เช่น การตั้งค่าภาษา การเปิด-ปิดการใช้งานบางฟังก์ชัน และการตั้งค่าการจัดการคำสั่งซื้อของลูกค้า
- การตั้งค่าธีมและรูปแบบ – การเลือกธีมและรูปแบบการแสดงผลของร้านค้า เพื่อให้เหมาะสมกับแบรนด์และการตลาดในวงการธุรกิจของคุณ
- การเชื่อมต่อกับปลั๊กอินและบริการอื่น ๆ – WooCommerce สามารถเชื่อมต่อกับปลั๊กอินและบริการอื่นๆ เช่น Google Analytics เพื่อเพิ่มฟังก์ชันและความสามารถในร้านค้าของคุณ
- การจัดการภาษี – การตั้งค่าการคำนวณภาษีสำหรับสินค้า รวมถึงการเพิ่มภาษีท้องถิ่นหรือภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
วิธีการติดตั้ง Plugin WooCommerce
สามารถติดตั้ง Plugin WooCommerce ได้ เพียงไม่กี่ขั้นตอน ดังต่อไปนี้
- ไปที่หลังบ้านของ WordPress (Dashboard)
- เลือกเมนู “Plugin”
- กดปุ่ม “Add New”
- พิมพ์ “WooCommerce” ที่ช่องค้นหา
- กดปุ่ม “INSTALL” เพื่อติดตั้ง Plugin
- เปิดใช้งาน (Activate) Plugin WooCommerce
ข้อควรระวังในการใช้งาน WooCommerce
- การติดตั้ง Module เพิ่มเติมที่ใช้กับ WooCommerce อาจมีค่าใช้จ่ายสูง และอาจต้องมีการปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับร้านค้าของคุณ
- มีความซับซ้อนในการตั้งค่า เพราะ WooCommerce มีหลายฟังก์ชั่นที่ต้องใช้ทักษะความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเขียนโค้ด รวมถึงระยะเวลาในการจัดการและปรับแต่งร้านค้าและการดูแลรักษาระบบ
- การจัดการฐานข้อมูล WooCommerce ต้องมีความชำนาญทางเทคนิค ในการควบคุมความเสี่ยงในเรื่องของข้อมูลสูญหายหรือการละเมิดความเป็นส่วนตัวของลูกค้า
- WooCommerce อาจมีปัญหาในเรื่องประสิทธิภาพของเว็บไซต์ หากเว็บไซต์มีจำนวนผู้ใช้งานสูง จึงอาจทำให้การดำเนินการของร้านค้าช้าลง
บทสรุป
WooCommerce เป็นเครื่องมือที่ใช้งานไม่ยาก และมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับธุรกิจทุกประเภท ที่มีความต้องการในการเปิดร้านค้าออนไลน์ ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีความยืดหยุ่นสูง แต่อาจจะต้องมีทักษะความรู้พื้นฐานในการจัดการเว็บไซต์เบื้องต้น นอกจากนี้ WooCommerce ได้รับความนิยมมาก เพราะสามารถโหลดไปใช้งานได้ฟรี สามารถใช้กับเทมเพลต (Template) ของ WordPress ได้โดยไม่ต้องมีการเขียนโปรแกรม และมีการพัฒนา Module เพิ่มเติมที่ช่วยให้คุณสามารถปรับแต่ง WooCommerce ได้ตามความต้องการของคุณ
บทความล่าสุด
ยังไม่มีเว็บไซต์ WordPress ใช่ไหม ?
หากคุณยังไม่มีเว็บไซต์ WordPress หรือกำลังมีความสนใจอยากจ้างทำเว็บไซต์ด้วย WordPress เรามีบริการรับทำเว็บไซต์ WordPress โดยทีมงานระดับมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน WordPress โดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ คุณสามารถออกแบบได้อย่างอิสระ ในราคาที่น่าพอใจ