Semantic HTML คืออะไร ? ทำไมถึงสำคัญกับการทำ SEO

ปก ทำความรู้จัก Semantic HTML
การใช้ Semantic HTML จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโครงสร้างที่ชัดเจน สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น นับเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในปัจจุบัน มีความสำคัญต่อผู้ที่ต้องการพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และมีความจำเป็นสำหรับผู้พัฒนาเว็บไซต์เป็นอย่างมาก นอกจากเว็บไซต์จะมีประสิทธิภาพแล้ว ยังสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO รวมถึงการบำรุงรักษาเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

สารบัญ

Semantic HTML คืออะไร ?

Semantic HTML คือ การเขียน HTML โดยใช้แท็กที่สอดคล้องกับส่วนที่ต้องการแสดงผลในแต่ละส่วนของเว็บไซต์ เช่น ส่วนหัวข้อ, ส่วนข้อความ, และส่วนลิ้งค์, โดยการใช้ Semantic HTML จะช่วยให้เว็บไซต์มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการพัฒนาเว็บไซต์ที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก เช่น W3C Standards และเป็นมาตรการที่ดีในการเพิ่มความสามารถในการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google และ Bing

ส่วนประกอบของ Tag

Semantic HTML มีความสำคัญอย่างไร ?

Semantic HTML เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการทำเว็บไซต์ในปัจจุบัน เนื่องจาก โดยจะช่วยให้เว็บไซต์มีโครงสร้างที่ชัดเจน และเข้าใจได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีแท็กที่สื่อความหมายเฉพาะของแต่ละส่วนของเว็บไซต์ เช่น <header> สำหรับส่วนหัวของเว็บไซต์ และ <footer> สำหรับส่วนท้ายของเว็บไซต์ ซึ่งจะมีผลมากต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของเว็บไซต์ทั้งในด้านการเข้าถึง การค้นหา และประสบการณ์ของผู้ใช้งาน

ในส่วนของการเขียน HTML นั้น ยังมีการใช้ CSS ร่วมกัน เพื่อให้เว็บไซต์มีรูปแบบที่สวยงาม และมีการจัดรูปแบบที่ดีเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีต่อผู้ใช้งาน นอกจากนี้ Semantic HTML ยังมีผลต่อการทำ SEO ของเว็บไซต์ด้วย เนื่องจากเครื่องมือค้นหาจะอ่านและเข้าใจได้ง่ายว่าเว็บไซต์มีเนื้อหาอะไรบ้าง และตำแหน่งของแต่ละส่วนภายในเว็บไซต์ 

Semantic HTML มี Tag อะไรบ้าง ?

การใช้งาน Semantic HTML ช่วยให้เว็บไซต์มีโครงสร้างที่ชัดเจนและสามารถเข้าใจได้ง่าย โดย Semantic HTML ที่นิยมใช้มี ดังต่อนี้
  1. <header> ใช้สำหรับเก็บส่วนหัวของหน้าเว็บไซต์ เช่น โลโก้ และเมนู
  2. <nav> ใช้สำหรับเก็บเมนูนำทางของเว็บไซต์
  3. <main> ใช้สำหรับเก็บเนื้อหาหลักของเว็บไซต์ เช่น บทความหรือสินค้า
  4. <article> ใช้สำหรับเก็บเนื้อหาที่เป็นบทความหรือข่าว
  5. <section> ใช้สำหรับเก็บส่วนของเนื้อหาที่เป็นส่วนย่อยของ article หรือ main
  6. <aside> ใช้สำหรับเก็บเนื้อหาเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลัก เช่น แถบข้อมูลสำหรับติดต่อ
  7. <footer> ใช้สำหรับเก็บส่วนท้ายของหน้าเว็บไซต์ เช่น ลิงค์ติดต่อหรือลิงค์เครดิต
Semantic HTML

Semantic HTML ต่างกับ Tag อย่างไร ?

Tag คือ ตัวอักษรที่อยู่ในเครื่องหมาย <> ที่ใช้เพื่อกำหนดลักษณะและรูปแบบของข้อความหรือองค์ประกอบต่างๆ ในเว็บไซต์ เช่น <h1>, <p>, <div> เป็นต้น
Semantic HTML คือ รูปแบบของ HTML ที่ใช้เพื่อกำหนดความหมายและสื่อความหมายในการแสดงผลของเว็บไซต์ โดยมีการใช้งานแท็กและคุณลักษณะต่างๆ เช่น <header>, <nav>, <main> เป็นต้น ซึ่ง Semantic HTML จะช่วยให้เว็บไซต์มีโครงสร้างที่ชัดเจนและมีความสอดคล้องกับหลักการการพัฒนาเว็บไซต์ที่ดีขึ้น

ดังนั้น Semantic HTML และ Tag เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกัน แต่มีความแตกต่างกัน โดย Semantic HTML จะเป็นการใช้งาน Tag และคุณลักษณะของ HTML ที่เน้นการกำหนดความหมายและสื่อความหมายในการแสดงผลของเว็บไซต์ ในขณะที่ Tag จะเป็นตัวอักษรที่ใช้กำหนดรูปแบบและลักษณะต่างๆ ในเว็บไซต์

บทสรุป

เมื่อใช้ Semantic HTML จะช่วยเพิ่มความสมบูรณ์และเข้าใจง่ายของเว็บไซต์ โดยจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจและทำความเข้าใจเนื้อหาได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO โดยช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์และสามารถแนะนำให้กับผู้ใช้ที่ต้องการหาเนื้อหาดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง